ดาวน์โหลดแผนการสอนลูกเสือ

การลูกเสือเป็นกระบวนการฝึกอบรมเด็กชายให้เจริญเติบโตขึ้นสมกับเป็นลูกผู้ชาย เพื่อจะได้เป็นพลเมืองดีของชาติ และเป็นกำลังคนชั้นดีของประทศต่อไป ลอร์ดเบเดน โพเอลล์ได้จัดตั้งขบวนการลูกเสือขึ้นเป็นหลักในประเทศอังกฤษ ปี พ.ศ. 2450  ก็เพื่อสนองความต้องการของเด็กแต่ละคนและเป็นการให้เด็กได้ฝึกหัดทำตนให้เป็นประโยชน์แก่สังคม

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงเล็งเห็นวิธีการลูกเสือแบบของลอร์ดเบเดน โพเอลล์ ว่าเป็นวิธีการฝึกอบรมที่ดี และสามารถที่จะปลูกฝังให้คนไทยรู้จักรักชาติบ้านเมือง สามารถทำตนให้เป็นประโยชน์ได้ตั้งแต่ยังเด็กอยู่ จึงทรงตั้งคณะลูกเสือไทยขึ้นเมื่อ 1 กรกฎาคม 2454

การลูกเสือใช้วิธีการฝึกอบรมเด็กโดยใช้ระบบหมู่เป็นหลัก เรียนกลางแจ้ง เรียนโดยการกระทำจริง และให้ยึดมั่นในพระศาสนา ซึ่งเป็นวิธีการสร้างคนสำหรับสังคมประชาธิปไตยและให้คนทุกคนมีค่ามีประโยชน์ สามารถช่วยตนเองและหมู่คณะได้ตามโอกาส นับเป็นขบวนการฝึกอบรที่เตรียมคนเพื่อพัฒนาประเทศชาติโดยแท้

การลูกเสือแบ่งแบบการฝึกตามอายุของเด็ก คือ อายุ 8 – 10  ปี ให้เป็นลูกเสือสำรอง อายุ 11 – 17 ปี ให้เป็นลูกเสือสามัญ อายุ 15 – 18 ปี ให้เป็นลูกเสือสามัญรุ่นใหญ่ และอายุ 17 ปีขึ้นไป ให้เป็นลูกเสือวิสามัญ ซึ่งตรงตามพัฒนาการของเด็กตามหลักจิตวิทยา นับเป็นการฝึกอบรมที่เหมาะสามและจะฝึกอบรมได้อย่างได้ผล การลูกเสือมีคติพจน์สำหรับหมู่คณะได้ยึดถือเป็นอุดมการณ์ที่เหมาะสมกับวัยของเด็ก และเป็นประโยชน์แก่สังคมและชาติบ้านเมืองโดยแท้

  • การลูกเสือเป็นกิจกรรมเยาวชนหน่ายหนึ่งที่มีจุดยืนของตนเอง มีเป้าหมาย เป็นที่ยอมรับของมนุษยชาติทั่วโลก ในการสร้างเยาวชนให้เป็นคนดี มีความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อผู้อื่น

การลูกเสือจึงมีส่วนในการพัฒนาเยาวชนของชาติ ทางด้านต่างๆ ดังนี้

ด้านร่างกาย  เยาวชนที่เข้ามาสู่กิจกรรมลูกเสือจะมีร่างกายที่แข็งแรง บึกบึน สง่างาม เนื่องจากมีโอกาสได้รับการฝึกอบรม ได้รับการออกกำลังกายกลางแจ้ง จากกากรฝึกระเบียบแถว การเล่นกีฬา ประเภทต่างๆ ได้แก่ ว่ายน้ำ ปีนต้นไม้ ไต่เขา ผูกเงื่อน สร้างสะพาน สร้างหอคอย ฯลฯ

“หินกลิ้งอยู่เสมอตะไคร่น้ำย่อมไม่จับฉันใด ร่างกายที่ได้รับการฝึกการออกกำลังกายอยู่อย่างสม่ำเสมอย่อมมีความแข็งแกร่งฉันนั้น”

เยาวชนที่เคยมีร่างกายอ่อนแอหลายต่อหลายคน เมื่อผ่านการฝึกอบรมลูกเสือจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หลายคนนอกจากมีความแข็งแรงแล้วยังสูงใหญ่ สุขภาพสมบูรณ์อย่างน่ามหัศจรรย์

 

ด้านอารมณ์  เยาวชนทั่วไปมักถูกครอบครัวตามใจ ใครทำอะไรไม่ถูกใจจะเกิดอารมณ์ร้ายขึ้นมาทันที ทำให้เกิดเป็นเยาวชนเจ้าปัญหา ไม่เป็นที่ชมชอบของบุคคลทั่วไป แต่เมื่อเข้ามาสู่แวดวงลูกเสือแล้วจะเปลี่ยนเป็นเยาวชนที่ร่าเริง มีอารมณ์ขัน ยิ้มแย้มแจ่มใจอย่างสดชื่น

“อยากให้คนอื่นยิ้มต่อท่านา ท่านควรจะยิ้มให้คนอื่นก่อน”

เมื่อทุกท่านในเครื่องแบบลูกเสือต่างอยู่กันด้วยความเป็นพี่น้องกันไม่ถือยศถือศักดิ์ ทำงานทุกอย่างด้วยความรักความศรัทธา ทำด้วยอารมณ์ขัน ย่อมทำให้สิ่งแวดล้อมไม่เป็นพิษ อารมณ์ย่อมไม่เสียไป

ด้านสังคม  เยาวชนที่จะเข้ากับสังคมได้ดี มีมนุษยสัมพันธ์ มีจิตวิทยา มีความกล้าในสิ่งที่ควรกล้ามีความรู้ ฯลฯ สิ่งเหล่านั้นการลูกเสือได้มอบไว้ให้จนหมดสิ้น ทำให้เยาวชนที่เป็นลูกเสือก้าวเข้าสู่สังคมด้วยความมั่นใจ และสังคมยินดีต้อนรับ

“การเอาใจเขามาใส่ใจเรา ย่อมทำให้การงานสำเร็จไปกว่าครึ่ง”

การสัมผัสกับสังคมทุกรูปทุกแบบ โดยเฉพาะกรให้บริการแบบให้เปล่า การบำเพ็ญประโยชน์ตามอุดมคติ ตามคติพจน์ ทุกสังคมไม่เคยรังเกียจ

ด้านจิตใจ การลูกเสือไม่คิดมาก เคยทำผิดรู้สึกสำนึกสารภาพผิด แล้วแก้ไขทุกคนจะยกย่องการไม่คิดริษยา ชิงดีชิงเด่น เล่นพรรคเล่นพวก สร้างศัตรู จิตใจย่อมปลอดโปร่ง สมองแล่นไม่เป็นโรคประสาท

“สนุกสนานกับชีวิต โรคจิตไม่ถามหา”

จากการยึดมั่นในคำปฏิญาณ 3 ข้อ และกฎ 10 ข้อย่างจริงจัง ทำให้ลูกเสือมีจิตใจสูง มีธรรมอยู่ในหัวใจ ยึดด้วยการปฏิบัติ จิตใจย่อมสดใส ไม่มีสิ่งแปลกปลอมมารบกวน

เมื่อทราบถึงแนวทางการพัฒนาเยาวชนของชาติโดยใช้การลูกเสือเป็นแกนนำแล้วอีกสิ่งหนึ่งที่ลืมเสียมิได้ คือ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการฝึกอบรมลูกเสือ เพื่อให้การลูกเสือพัฒนาเยาชนของชาติ สำเร็จลุล่วงตามโครงการที่เขียนไว้ คือ ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ

การลูกเสือไทยได้ฝากความหวังในการพัฒนาเยาวชนของชาติโดยการ ใช้ลูกเสือเป็นแกนนำไว้กับท่านแล้ว ท่านพร้อมที่จะเริ่มงานของท่านหรือยัง

 

ดาวน์โหลดแผนการสอนลูกเสือ