เปิดเอกสาร 3 ฉบับ ร.ร.กรุงเทพคริสเตียน จัดทำข้อมูลการจัดซื้อกิจการ ร.ร.บึงกาฬพิทักษ์ศึกษาและที่ดินโดยรอบ ระบุชัดมีการประเมินราคา และจัดทำรายงานวิเคราะห์ความเป็นไปได้และความคุ้มทุน ชี้กิจการมีกำไรต่อเนื่อง คาดคืนทุนได้ใน 11 ปี

จากกรณีนายวิศาล มหชวโรจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ออกแถลงการณ์ชี้แจงว่า การจัดซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมูลค่าเกิน 10 ล้านบาท ต้องทำการประเมินราคา มีรายงานวิเคราะห์ความเป็นไปได้ เพื่อเสนอบอร์ด ร.ร.พิจารณา ซึ่งการเอาผิดปลด นายศุภกิจ จิตคล่องทรัพย์ จาก ผอ.ร.ร. และไล่ออก นายวัชรพงษ์ อภิญญานุรังสี จากผู้จัดการ ร.ร. เพราะมีการจัดซื้อผิดขั้นตอน ขณะที่ทั้งสองคนระบุว่า ดำเนินการถูกขั้นตอนทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กเพจ องค์กร Save BCC ได้เปิดเผยเอกสารที่ระบุชัดเจนว่า การจัดซื้อ ร.ร.บึงกาฬพิทักษ์ศึกษา และที่ดินโดยรอบ ของ ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย มีการทำตามหลักเกณฑ์และขั้นตอนตามที่สภาคริสตจักรในประเทศไทยกำหนด เพราะมีการจัดทำทั้งการประเมินราคาและการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการจัดซื้อ เพื่อเสนออนุมัติจัดซื้อ ประกอบด้วย

1.เอกสารการขออนุมัติการจัดซื้อกิจการโรงเรียนบึงกาฬพิทักษ์ศึกษาและที่ดินโดยรอบโรงเรียน ซึ่งลงนามโดยผู้ปกครอง (ผป.) ชาญ โชตินันทเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหารโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ลงวันที่ 28 พ.ย. 2561 ส่งถึง ผป.สุรพงศ์ มิตรกูล เลขาธิการสภาคริสตจักรในประเทศไทย โดยระบุถึงสิ่งที่แนบมาด้วย คือ 1.สำเนาหนังสือยืนยันการขาย 2.ข้อมูลโรงเรียนบึงกาฬพิทักษ์ศึกษา 3.แผนที่รอบบริเวณโรงเรียนบึงกาฬพิทักษ์ศึกษา และ 4.เอกสาร Feasibility Study

ทั้งนี้ เอกสารดังกล่าวระบุว่า คณะกรรมการบริหาร (บอร์ด) ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ได้ประชุมเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2561 ได้พิจารณาเรื่องการจัดซื้อกิจการ ร.ร.บึงกาฬพิทักษ์ศึกษาและที่ดินโดยรอบ ซึ่งบอร์ดพิจารณาว่า ทำเลที่ตั้งอยู่ในจังหวัดที่กำลังเจริญ อยู่ใจกลางเมืองบริเวณเขตศาลากลาง ติดกับประเทศลาว ผู้ปกครองมีศักยภาพในการส่งบุตรหลานเข้าเรียน จึงเห็นชอบสมควรจัดซื้อกิจการ ร.ร.จำนวน 70 ล้านบาท และที่ดินโดยรอบเพื่อขยายกิจการอีก 7 ไร่ จำนวน 30 ล้านบาท รวมเป็น 100 ล้านบาท และเห็นชอบให้เสนอคณะกรรมการมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย เพื่อพิจารณาอนุมัติให้ ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จัดซื้อกิจการร.ร.บึงกาฬพิทักษ์ศึกษา

2.เอกสารรายงานการประชุมคณะกรรมการดำเนินงานสภาคริสตจักรในประเทศไทย เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2561 ซึ่งมีวาระการพิจารณาเรื่องการจัดซื้อกิจการและที่ดินโดยรอบ ร.ร.บึงกาฬพิทักษ์ศึกษา โดยระบุชัดเจนถึงรายละเอียดของ ร.ร.บึงกาฬพิทักษ์ศึกษา การประเมินราคา และการวิเคราะห์ความเป็นไป โดยในส่วนของกิจการโรงเรียนบึงกาฬพิทักษ์ศึกษา ระบุว่า ประกอบด้วย ที่ดินจำนวน 4 แปลง เนื้อที่รวม 5 ไร่ 43 ตารางวา (ติดภาระจำนองสถาบันการเงินทั้งหมด) อาคาร 1 ชั้น 4 อาคาร และอาคาร 3 ชั้น 2 อาคาร จำนวนบุคลากร 32 คน จำนวนนักเรียน 606 คน เสนอขายรวม 70 ล้านบาท โดยผู้ซื้อเป็นผู้รับผิดชอบค่าโอนและภาษี ส่วนที่ดินโดยรอบจำนวน 7 ไร่ และการปรับปรุงพื้นที่ วงเงิน 30 ล้านบาท

ส่วนรายละเอียดการประเมินราคา ประเมินราคาที่ดินโดยวิธีต้นทุนสำหรับที่ดินและอาคาร เมื่อปี 2559 ราคาประเมินได้ คือ 57,646,900 บาท เสนอราคาขายที่ 70 ล้านบาท การวิเคราะห์ความเป็นไปได้ใน 3 ด้าน คือ 1.การวิเคราะห์ด้านการตลาด ที่วิเคราะห์จำนวนนักเรียนของโรงเรียน 4 ปีย้อนหลังตั้งแต่ปี 2558-2561 เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 600 คนต่อปี ขณะที่คู่แข่งมี ร.ร.มัธยมบึงกาฬ จำนวนนักเรียน 2,910 คน ร.ร.อนุบาลบึงกาฬวิศิษฐ์อำนวยศิลป์ จำนวนนักเรียน 1,083 คน และ ร.ร.มหาไถ่ศึกษาบึงกาฬ จำนวนนักเรียน 883 คน สรุปได้ว่า โรงเรียนมีโอกาสในการพัฒนาโรงเรียนเอกชน เนื่องจากบึงกาฬยังไม่มีโรงเรียนมัธยมเอกชน มีเพียงของรัฐบาลที่พอจะแข่งขันได้

2.การวิเคราะห์ด้านทำเลที่ตั้ง อยู่ในตัวเมือง พื้นที่ประมาณ 5 ไร่ และบึงกาฬอยู่ในช่วงพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม เพราะเป็นจังหวัดหน้าด่านกับลาว เพื่อรองรับการขยายมัธยม จึงวางแผนจัดซื้อที่ดินเพิ่ม 7 ไร่ และพัฒนาวงเงิน 30 ล้านบาท และ 3.การวิเคราะห์ด้านการเงิน ร.ร.บึงกาฬพิทักษ์ 3 ปีย้อนหลังพบว่า มีรายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายทั้ง 3 ปี โดยปี 2558 มีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย 7.1 ล้านบาท ปี 2559 สูงกว่า 6.7 ล้านบาท และปี 2560 สูงกว่า 6.1 ล้านบาท ซึ่ง ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย วางกรอบการลงทุน 107 ล้านบาทในปี 2560 จะใช้เวลาคืนทุนภายใน 11 ปี

และ 3.เอกสารอนุมัติให้ ร.ร.กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย จัดซื้อกิจการและที่ดินโดยรอบของ ร.ร.บึงกาฬพิทักษ์ศึกษา ซึ่งลงนามโดย ผป.สุรพงศ์ มิตรกูล เลขาธิการสภาคริสตจักรในประเทศไทย โดยอ้างอิงถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการดำเนินงานสภาคริสตจักรในประเทศไทย และคณะกรรมการมูลนิธิแห่งสภาคริสตจักรในประเทศไทย ที่ประชุมเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 2561 และมีมติให้จัดซื้อ